เนื่องด้วยระบบ Blog ปัญหาเยอะ แล้ว Google ยัง deindex อีกด้วยจึงได้ทำการย้ายเว็บไปที่
cthawees.wordpress.com ครับเจอกันได้ที่นั่นนะครับ
seo training,astore training,seo blog,astore blog,tutorial seo,tutorial astore,basic,seo,basic astore,seo tip,astore tip,knowledge seo,knowledge astore,seo,astore,หาเงินบน internet,รายได้ internet,โปรโมท เว็บ,promote web.
เนื่องด้วยระบบ Blog ปัญหาเยอะ แล้ว Google ยัง deindex อีกด้วยจึงได้ทำการย้ายเว็บไปที่
Technorati : wordpress
เนื่องจากมีปัญหาเกี่ยวกับการทำบทความคือไม่สามารถเขียนบทความทาง Blogได้เลย ไม่รู้เป็รเพราะอะไร เพื่อนๆคนไหนรู้ไหมว่าเป็นเพราะอะไรอ่ะ ทางแก้ทางเดียวคือต้องใช้โปแกรม Zoundry ในการเขียนบทความ แต่เจ้ากำโปรแกรมตัวนี้ใส่รูปไม่ได้เพราะไม่ได้สมัครไว้เลยไม่มีรูปให้เพื่อนๆได้ดูกันนะครับ ยังไงเดียวผมจำหาบทความดีๆมาให้เพื่อนๆได้อ่านกัน รับประกันไม่ผิดหวังแน่นอน บทความต่อไปน่าจะพูดเกี่ยวกัย keywords นี่แหละครับ เพราะ keywords เป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการทำเว็บเลยทีเดียวครับ ผมเล็งเห็นข้อนี้เลยคิดว่าน่าจะนำมาถ่ายทอดให้เพื่อนได้รู้ และน่าจะเป็นแนวทางในการทำ seo ได้ดีเลยทีเดียว รอสักพักนะครับ รอให้ระบบ Blog เข้าที่เข้าทางก่อนนะ แล้วจะนำสิ่งดีดีมาฝากจ้า
เพื่อนคนไหนสนใจที่จะแลก Link กับเว็บแห่งนี้สามารถลงชื่อและลงลิ้งไว้ที่ Comment ในนี้ได้เลยจ้าหรือส่ง E-mail มาที่ cthawees[at]gmail.com นะครับ
Technorati : Google, Zoundry download
สวัสดีครับ
วันนี้โอ๋มีเรื่องดีๆมาฝากอีกเช่นเคยครับเกี่ยวกับการหา keywords ดีๆ เพื่อนๆหลายคนคงเคยงมหา keywords ในการขายสักตัวนึงแต่คิดยังไงก็คิดไม่ออก คิดออกแต่ก็ม่ค่อยพอใจสักเท่าไหร่ วันนี้โอ๋ไปหาบทความดีๆมาฝากกันครับ เพื่อนๆคงพอจะรู้กับคำว่า niche keywords และ niche market กันนะครับ(น่าจะรู้นะครับ)
บางคนหา niche keyword ก่อน แ้ล้วจึงหา niche market บางคนหา niche market ก่อน แล้วจึงหา niche keywords แต่ก็คงมีเพื่อนๆหลายคนที่ไม่ได้ใช้ niche keywords และ niche market ร่วมกัน นี่แหละตัวการเลยครับ ที่ทำให้เพื่อนๆ ทำผลงานออกมาไม่ดีตามที่เพื่อนๆต้องการ
niche keywords และ niche market ต้องมาคู่กันเสมอนะครับ
เมื่อคุณต้องการหา keyword ที่มันเกี่ยวกับ ตลาดไหน หรือ สินค้าตัวไหนก็ตาม คุณต้องทำให้ ตลาดนั้น กลายเป็นตลาดย่อยๆซะก่อน โดยการแบ่งแยกโดยการพิจาณาของคุณเอง เช่น เมื่อคุณต้องการโฆษณา ขาย digital camera
คุณก็ต้องทำให้มันเป็น market ย่อยๆลงไป คือ digital camera, slr camera, print&shoot camera, camcorders
ถ้ามันยังย่อยไม่พอ คุณก็ต้องแบ่งย่อยลงไปอีก เช่น slr camera คุณก็อาจจะแบ่งเป็น sony slr, canon slr, nikon slr, olympus slr เป็นต้น
คุณต้องแบ่งย่อยๆไป จนกว่าคุณจะพอใจ (คิดว่ามันเหมาะสมแล้ว)
เมื่อคุณได้ market ที่เป็น niche market แล้ว การที่คุณจะหา keywords ที่เกี่ยวข้องกับสินค้าของคุณซึ่งเป็น niche market นั้น keywords ที่คิดได้ มันก็จะต้องเป็น niche keyword โดยอัตโนมัติครับ
และเมื่อคุณมี niche keywords และ niche market แล้ว นั่นแหละคับอันดับต่อไปคือ โปรโมท คับ
ส่วนนี้คือส่วนที่เกี่ยวข้องกับ การหา keywords
แต่ เชื่อหรือไม่ว่า บางคนม keywords ที่ดีอยู่ในมือแล้ว แต่ไม่สามารถใช้ประโยชน์จากมันได้เต็มที่ นั่นเป็นเพราะ คุณทำผิดพลาดในเรื่องของการใช้ keywords
บทความเรื่องนี้คงต้องยกเครดิตให้คุณ richeuro แห่งเว็บเสียวนะครับ
สวัสดีเพื่อนๆในช่วงเช้าตอนสายครับ
วันนี้โอ๋ก็จะมาต่อในเรื่องของรายละเอียด Tool ในการใช้หา keywords นะครับเข้าเรื่องกันเลยดีกว่าจะได้หมดสักที อิอิ
2. Word Tracker
เป็นเครื่องมือที่ดีมากในการค้นหาคำศัพท์ใหม่ๆที่เกี่ยวข้องกับ keywords ของเราแม้ว่าจะต้องเสียเงินเพื่อใช้บริการใเวอร์ชั่นเต็ม แต่เพื่อนๆก็สามารถใช้บริการฟรีๆได้โดยใช้ demo ซึ่งถ้าไม่อยากเสียเงิน ก็สามารถใช้พอเป็นแนวทางได้เหมือนกัน เว็บไซต์นี้ทีข้อดีคือ นอจากที่จะแสดง keywords ที่มีความเกี่ยวข้องกันและจำนวนครั้งที่คนใช้ keywords นี้ในกาค้นหาแล้ว Word Tracker ยังแสดงจำนวนผู้แข่งขัน ที่ใช้ keywords เดียวกัน และบอกดัชนีเทียบว่าควรใช้ keywords ไหนจะดีกว่ากัน
3. Overture MaxBid Tool
เป็นเว็บไซต์ที่ให้บริการบอกราคาประมูลของ keywords แต่ละคำ ว่ามีราคาประมูลสูงสุดเท่าไหร่ แม้ว่าราคาที่ใช้ในการประูลนั้นจะเป็นของ Overture ไม่ใช่ของ Google Adwords โดยตรงก็ตาม แต่ก็สามมารถทำให้เราพอจะมองเห็นภาพคร่าวๆได้ว่า keywordsตัวใด มีคนใช้ในการโฆษณามากกว่ากัน
4.Google Adwords Keywords Suggestion
เมื่อเราพิมพ์ keywords ต่างๆลงไป เราก็จะได้กลุ่ม keywords ที่อยู่ในกลุ่มเดียวกันหรือใกล้เคียงกันออกมา มีการใช้คำศัพท์ที่มีความมายเหมือนกันมาแทนที่ รวมถึงมีการแนะนำ keywords ที่อยู่ในกลุ่มที่ไม่เกี่ยวข้องกันมากเท่าไหร่ด้วย
5.Adwords Equlizer
เป็นโปรแกรมที่ดีสุดที่ช่วยให้เราสามารถหา keywords ที่ดีที่สุดออกมาได้ แม้ว่าราคาอาจจะแพงไปสักหน่อย แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาค้มค่ายิ่งกว่าแน่นอน สำหรับโอ๋ ถือว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่ามาก แต่มันดียังไงนั้นโอ๋จะเล่าให้เพื่อนๆฟังเดี๋ยวนี้กันเลย
- Keywords ที่มีข้อความเกี่ยวข้องกับ keyords ที่เราพิมพ์ลงไปทั้งหมดที่คนเคยใช้ค้นหาสิ่งที่ต้องการ
-จำนวนครั้งที่มีคนใช้ keyword เหล่านั้นในการค้นหาตาม Search engine ของ Overture ในเดือนที่ผ่านมา
-จำนวนโฆษณาที่มีปรากฏอยู่แล้วที่ Google Adwords และOverture รวมทั้งใน PPC อื่นๆอีกมาก
-เว็บไซต์ที่มีคนนิยมผ่านเข้าไปเยี่ยมชม และซื้อสินค้ามากที่สุดในแต่ละ keywords
-แผนภูมิแสดงส่วนแบ่งทางการตลาดว่าเว็บไซต์ไหนที่มีส่วนแบ่งมาที่สุด
-อีกเยอะอ่ะ บอกไม่หมด เพราะขี้เกียจแล้ว 555
ที่โอ๋รู้มาก็คงจะมีเท่านี้นะครับ แต่ยังมี Tool ต่างๆอีกมากครับเพื่อนๆคงต้องไปลองกันเอาองนะจ๊ะ โอ๋คงหามาเล่าให้ฟังคงไม่หมดหรอก มันมีเยอะเจงๆ
Keyword คืออะไร เพื่อนๆบางคนทำเว็บมานานพอสมควร มีหลายคนที่ยังไม่รู้เลยว่า keyword คืออะไรและสำคัญอย่างไรกับเว็บของเรา Keyword คือคำที่ บอกลักษณะของเว็บไซต์ เจาะจงคำที่ใช้ให้เวลาค้นหาเว็บไซต์ เพื่อนๆบางคนทำเว็บมานานแล้ว แต่ทำไมเวลาใช้เว็บค้นหาแล้วไม่เจอเว็บเรา..อิอิ
ยิ่งเว็บเรามี keyword ที่เกี่ยวข้องมากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งส่งผลดีกับเว็บเรามากเท่านั้นครับ เพราะนั่นเท่ากับว่าเราสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้มากขึ้นเท่านั้นเอง สิ่งสำคัญมากอีกอย่างหนึ่งนั่นคือ เราต้องพยายามหา keywords ที่ไม่ค่อยมีคนใช้แต่มีค้นหาเยอะๆเข้าไว้ครับ
วันนี้โอ๋จะมาบอกเทคนิคการการหา keywords ที่ดีๆกันครับอันที่จริงโอ๋ก็ไม่ค่อยจะเก่งในเรื่องของการหา keywords สักเท่าไหร่นะครับ เพียงแต่ไปหาอ่านเอาจากคนนู้นคนนี้แล้วเอามาเรียบเรียงให้อ่านกันครับ
สำหรับบทความนี้โอ๋จะมาบอกเล่าเกี่ยวกับ tool ที่ใช้ในการค้นหา keywords ใหม่ดีๆกันก่อนนะครับ เดี๋ยวบทความหน้าจะมาเล่าเทคนิคเด็ดๆที่โอ๋ไปศึกษามานะครับ แหะ แหะ จะได้มีบทความให้อ่านกันเยอะๆ โอ๋กลัวว่าถ้าเขียนบทความไปทีเดียวอาจจะมีเนื้อหาที่เยอะเกินไป เอาล่ะครับบ่นมาก็พอสมควรแล้ว เพื่อนๆอาจจะหงุดหงิดกันเล็กน้อยว่าเมื่อไหร่จะเข้าสักที(วะ) แหมทำเป็นวัยรุ่นใจร้อนกันไปได้ มา มา เริ่มละคร๊าบบบ
เครื่องมือในการช่วยา่ Keywords เครื่องมือเหล่านี้มีประโยชน์มากครับ ในการช่วยให้เพื่อนๆสามารถนึกถึง keywords ที่เพื่อนๆอาจจะไม่เคยนึกถึงมาก่อนเลยก็ได้ ทั้งบางตัวยังมีความสามารถอื่นๆอยู่ด้วย เดี๋ยวเรามาดูกันว่า อะไรมีดีอะไรกันบ้าง
1. Good Keywords
เป็นโปรแกรมที่มีประดยชน์มากทีเดียวครับ และเป็นหนึ่งในโปรแกรมที่โอ๋ใช้ในการมั่ว keywords บ่อยๆครับ 555 เพียงแค่เพื่อนๆพิมพ์ keywords ที่เราหามาได้บางคำลงไป โปรแกรมก็ทำการค้นหาข้อมูล Keywords ต่างๆทีเกี่ยวข้องกัน แล้วแสดงออกมาที่หน้าจอ พร้อมทั้งบอกจำนวนครั้งที่มีการพิมพ์ Keywords นั้นในการค้นหาออกมาด้วยและที่สำคัญที่สุดคือว่า เพื่อนๆสามารถดาวน์โหลดโปรแกรมนี้มาใช้ในการมั่วหา keywords กันแบบไม่เสียตังค์สักแดงเดียวเลยครับ (ฟรี!!!!)
ข้อสังเกตคือโปรแกรมตัวนี้จะไม่มีการแยกเอกพจน์และพหูพจน์ เช่นถ้าเพื่อนๆพิมพ์คำว่า Boy หรือ Boys ผลลัพธ์ที่ได้ออกมาก็จะเหมือนกัน แต่ Google จะทำการแยกความแตกต่างระหว่างเอกพจน์และพหูพจน์ด้วย ดังนั้นเพื่อนๆควรที่จะต้องมาเพิ่มเอาเองโดยใช้โปรแกรม MS word ในการแทนที่คำศัพท์ครับ
โห แค่ Tool ตัวเดียวเล่นเอาซะยาวเลยอ่ะงั้นขอไปต่อในบทความหน้าแล้วกันครับเพื่อนๆจะได้พักผ่อนกันด้วย จ้องหน้าคอมฯนานๆระวังเสียสายตานะครับ หุหุ (อันที่จริงขี้เกียจแล้วอ่ะ) ยังไงเดี๋ยวมาต่อบทความให้จบนะครับ ไม่ทำให้ผิดหวังแน่น้อนนน
ครื่องมือตัวนี้ได้รับการกล่าวขานถึงมากที่สุดคือเรื่องของ “หน้าตา” ที่ค่อนข้างโบราณหรือไม่ทันสมัยเอาเสียเลย (แต่ในความรู้สึกผม ผมว่ามันคลาสสิคเป็นอย่างมาก)aStore ได้รับการออกแบบภายใต้การศึกษาและวิจัยโดยทีมงานด้านการตลาดออนไลน์ของ Amazon.com ซึ่งจากผลการวิจัยต่าง ๆ นั้นบ่งบอกว่า “คนอเมริกัน ชอบซื้อสินค้าออนไลน์กับสโตร์ที่ไม่ต้องมีความซับซ้อนมากนัก” หรือพูดง่าย ๆ อย่างบ้านเราก็คือเอาให้ดูง่าย และไม่ต้องให้มันรกรุงรังลูกกะตาเรานั่นเองครับ ทำให้การพัฒนา aStore นั้นยังคงรูปแบบและหน้าตาคงเดิมมาโดยตลอด ยกเว้นเครื่องมือและซอฟแวร์จะได้รับการพัฒนาให้ดียิ่งขึ้น และ เร็วยิ่งขึ้น (อันที่จริงถ้าเราสังเกตุดูดีดีจะเห็นว่าแม้แต่ Amazon.com เองก็จะเรียบง่าย ไม่ซับซ้อนมากนัก)จุดเด่นอีกประการของ aStore ก็คือเล็กและโหลดได้เร็ว ที่สำคัญอีกอย่างก็คือว่า “สมาชิกที่เข้าร่วมแนะนำสินค้า สามารถนำมาใช้งานได้แบบฟรี ๆ ตลอดชีพ” (ไม่ได้ลงทุนอะไรเลยนอกจากว่าการนำเอา aStore ตนเองไปโปรโมท เท่านั้น) ทำให้ในส่วนนี้ผู้ที่ไม่ได้มีเว็บไซต์หรือบล็อกที่อยู่ภายใต้ชื่อโดเมนของตน เอง สามารถเข้าร่วม แนะนำสินค้าได้ โดยไม่ต้องสงสัย ขอเพียงแต่มีแหล่งโปรโมท และแนะนำสินค้าให้สามารถขายได้ เท่านี้รายได้ก็จะเกิดกับสมาชิกได้สบายๆสำหรับข้อจำกัดของ aStore นั้น “ไม่มีครับ” เนื่องจากความจริงแล้ว aStore เราสามารถออกแบบเองก็ได้โดยการเขียน CSS ภายในระบบที่ทาง Amazon กำหนดให้ในส่วนของการ Design aStore (ผมไม่เคยแก้เลยนอกจากปรับเพียงสีให้เหมาะสม กับสินค้าต่าง ๆ เท่านั้น) สิ่งสำคัญของการใช้งาน aStore เพื่อแนะนำสินค้า หรือขายสินค้าก็คือ การปรับแต่งหน้าตา และเฉดสี (ซึ่งสำคัญมาก ๆ เลยหละครับ) การปรับแต่งเฉดสีให้ดูดีและไม่ทำร้ายสายตาจะทำให้เราสามารถขายสินค้าได้ (เป็นตัวช่วยได้ด้วยหนะครับขอบอก) ฉนั้นแนะนำว่าควรปรับให้เหมาะสม และไม่ควรปรับจนลายตาไปหมด เพราะผู้ซื้อจะไม่ซื้อเนื่องจากทนไม่ไหวครับ (อันนี้เรื่องจริง ที่ผมเองเคยทดสอบมาแล้ว) ลองไปปรับเปลี่ยนกันดูหนะครับ อาจช่วยให้ขายของได้ง่ายขึ้น แต่ก่อนที่เราจะสามารถขายของได้นั้น มันมีปัจจัยหนึ่งที่เราหลาย ๆ คนทราบกันดีนั่นก็คือ Traffic
Credit : makemany.com
Credit : Robots จากเวปไทยเสียวBoard
ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่สร้างเว็บไซด์เพียงเพื่อให้ตัวเองหรือคนรู้จักได้ดู คงต้องข้ามบทความนี้ไปเลยครับ เพราะหากคุณหรือองค์กรของคุณ ต้องการให้ชาวโลกรับรู้ว่าฉันหรือเรามีเว็บไซด์ที่ให้ชาวโลกทั้งหลายสามารถ เข้ามาเยี่ยมชม ใช้บริการ หรือซื้อสินค้าได้ง่าย ๆผ่านทางอินเตอร์เน็ตก็คงไม่ใช่เพียงแค่สร้างเว็บแล้วปล่อยให้เจ้าเว็บไซด์ ของคุณประกาศตัวมันเอง คุณเจ้าของเว็บนั่นแหละคงต้องต้องสรรหาวิธีช่วยมันด้วย
เอ๊ะ … เกริ่นซะตั้งนาน แล้วมันเกี่ยวอะไรกับหัวข้อข้างบนหล่ะเนี่ย เกี่ยวซิครับ เพราะปัจจุบัน ด่านอรหันต์ด่านแรกที่ต้องเจอคือ Search Engine หรือสมุดหน้าเหลืองบนเว็บไซด์นั่นแหละ ก็เพราะ ปัจจุบันกว่า 81 % ของผู้ใช้อินเตอร์เน็ตหาเว็บไซด์ที่ต้องการผ่าน Search Engine ไม่ว่าจะเป็น google.com, yahoo.com , msn.com, a9.com, altavista.com เป็นต้น
หากกลุ่มเป้าหมายของคุณ เค้าไปค้นหาใน Search engine โดยใช้คำค้นหาที่เกี่ยวข้องกับเว็บของคุณแต่ผลการค้นหาในหน้าแรกกับเจอแต่ คู่แข่งของคุณเต็มหน้าไปหมด ทีนี้ล่ะ ยุ่งแน่เพราะ โอกาสจะดังบนเว็บคงยากหน่อย ต้องใช้วิธีอื่นๆ แทน ด้วยเหตุนี้ คำว่า " SEO " จึงกำเนิดขึ้นมา
SEO ที่ว่านี้ย่อมาจาก Search Engine Optimization หมายถึงเป็นวิธีการหนึ่งของการทำตลาดบนอินเตอร์เน็ตด้วย Search Engine (Search Engine Marketing) ว่าด้วยวิธีการเลือกคำค้นหาหรือ "keyword" ที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาบนเว็บไซด์ และการปรับแต่งเว็บเพจ เพื่อให้เว็บไซด์ติดในอันดับต้นๆของ search engine ( ผลที่ได้จากการค้นหาเรียกว่า Natural Search result) ฉะนั้น ยิ่งเว็บไซด์ของคุณได้ปรากฏในอันดับต้นๆในหน้าแรกของผลการค้นหา โอกาสที่จะได้รับการคลิ๊กจากผู้ชมก็ยิ่งมากไปด้วย
ในปัจจุบัน มีบริษัทที่ให้บริการเรื่องการทำ SEO มากมายแต่ละที่ก็มีขั้นตอนการทำแตกต่างกันไป ในเมืองไทยเองก็มีอยู่หลายเจ้าเหมือนกันก็ลอง Search หากันดูเองแล้วกันนะครับ อย่างไรก็ตามขั้นตอนโดยสรุปมีดังนี้
• Competition analysis - ศึกษาคู่แข่งของคุณก่อนว่าอยู่อันดับใด ใช้ keyword อะไร Code ของเว็บเพจเป็นอย่างไร และเครื่องมือที่ขาดไม่ได้สำหรับการ monitor คู่แข่งและตัวคุณเองคือ Google Toolbar ซึ่งเป็นเครื่องมือที่จะบอกเราได้ว่าทำไมอันดับของเราใน Google จึงอยู่ต่ำหรือสูงกว่าคู่แข่งโดยดูจาก PageRank จาก Toolbar คะแนนเต็มของจะ PageRank อยู่ที่ 10 ยิ่งเว็บใดที่มีค่าสูงยิ่งมีโอกาสติดอันดับต้น ๆ ใน google ล่ะครับ นอกจากนี้ ยังมี SEO TOOLBAR ของ SEO Inc. ซึ่งจัดทำ Toolbar เพื่อให้นัก SEO ตรวจสอบว่า มีจำนวนเว็บที่ทำลิ๊งค์มาหาเว็บของคุณหรือเว็บของคู่แข่งกี่ลิ๊งค์ SEO Toolbar นี้จะทำการตรวจสอบจาก Search Engine ได้แก่ Google, Yahoo!, MSN, AOL และ DMOZ สำหรับ toolbar ทั้งสองแจกฟรีครับ download ได้ที่ toolbar.google.com สำหรับ Google Toolbar และ www.seoinc.com/toolbar สำหรับ SEO Toolbar
• Keyword Research and Selection - ขั้นต่อมาคือการวิเคราะห์และเลือก keyword ที่เหมาะสมกับเว็บไซด์ ยิ่งใช้ keyword ที่เฉพาะเจาะจงยิ่งทำให้เว็บคุณมีโอกาสติดอันดับมากขึ้นครับ เครื่องมือที่ช่วยในการหา keyword นั้นมีอยู่หลายตัวบางชนิดก็ฟรี บางชนิดเสียค่าใช้จ่ายบ้างเช่น goodkeyword- ฟรีครับตัวนี้ download ได้ที่ www.goodkeywords.com , wordtracker - ทั้งฟรีและไม่ฟรีครับเป็น บริการเว็บ เข้าไปทดลองได้ที่ www.wordtracker.com , ดู รายชื่อ ไนพก เพิ่มเติมได้ที่หน้า click e-marketing tool ครับ
• On-page Optimization - คือการปรับ CODE ของเว็บ เช่น TITLE TAG, Meta Tag , ปรับ copy หรือเนื้อหาในเว็บเพจเพื่อบรรจุ keyword ที่เลือกไว้ให้เหมาะสม รวมถึงการ design หรือ redesign หน้าเว็บให้เหมาะกับ Search Engine
• Off-Page Optimization - โดยทั่วไปแล้ว ปัจจัยพื้นฐานที่ทำให้เว็บคุณอยู่ได้รับการ Index หรือมีชื่ออยู่ใน Search Engine คือ จำนวนของเว็บทำลิ๊งค์เข้ามาหาเว็บของคุณ (Backward Link) นั่นเองหรือเรียกว่า เพิ่ม Link Popularity อย่างนี้ก็หมายความว่า ใครมี Backward Link เยอะก็มีโอกาสขึ้นอันดับสูงนะซิ คงไม่ใช่ซะทีเดียวครับ เพราะหากคุณเที่ยวไปขอแลกหรือซื้อลิ๊งค์สุ่มสี่สุมห้า ก็อาจโดนแบนจาก Search Engine ได้เพราะ Search Engine เองก็ดูด้วยว่าลิ๊งค์ของคุณมีจำนวนและมีคุณภาพมากแค่ไหน คุณภาพที่ว่าก็คือ จำนวนของเว็บที่ลิ๊งค์มาหาเว็บคุณควรจะเป็นเว็บที่อยู่ในอุตสาหกรรมเดียวกัน หรือใกล้เคียงกับคุณเช่น หากคุณทำเว็บขาย VCD DVD ก็ควรม u backward link จากเว็บจำพวกข่าวสารเกี่ยวกับหนัง หรือ DVD เป็นต้น ดังนั้น วิธีการที่แนะนำคือการขอแลกลิ๊งค์หรือ Link Exchange มากหว่าจะไป Buy link ครับ
• Submission - คือการลงทะเบียนกับ search engine ซึ่งปัจจุบันในขั้นตอนนี้อาจจะไม่จำเป็นแล้วเพราะ Search Engine ส่วนใหญ่จะใช้ โปรแกรมที่เรียกว่า Robot หรือ Spider วิ่งไปหาเว็บไซด์ต่างๆเอง ยกเว้น web directory อย่าง DMOZ.com ซึ่งยังคงอาศัยการตรวจเว็บด้วยคนอยู่แต่ถ้าเว็บใดได้มีชื่ออยู่ใน DMOZ ก็เป็นบุญเลยล่ะครับเพราะ GOOGLE เองอิงข้อมูลจาก directory นี้มากและยังให้ PageRank กับ DMOZ สูงถึง 9 /10 นั่นหมายความว่าถ้าเว็บของคุณมีชื่ออยู่ใน DMOZ โอกาสขึ้นอันดับสูง ๆ มีแน่ครับ แต่ DMOZ ก็ใช้เวลาในการตรวจสอบเว็บนานมาก บางเว็บ submit ไปเป็นปี ยังไม่มีชื่อในเว็บนี้เลย
• Monitor Monitor Monitor - อย่าชะล่าใจเมื่อเว็บของคุณติดอันดับต้นๆ เพราะมีคู่แข่งของคุณคอยช่วงชิงแหน่งไปจากคุณตลอดเวลา การตรวจสอบอันดับทั้งเว็บของคุณและคู่แข่งของคุณ ละการเพิ่ม keyword ที่เกี่ยวข้องเป็นสิ่งที่ควรทำอยู่เสมอครับ
ขั้นตอนที่ว่ามาทั้งหมด นั้น อ่านแล้วเหมือนว่า " ง่ายจัง ! " คงไม่ง่ายอย่างนั้นครับ เพราะในเมื่อ กรุงโรมไม่ได้สร้างเสร็จในวันเดียวฉันใด การติดอันดับใน Search Engine ก็ต้องใช้เวลาฉันนั้น ว่ากันว่า ไม่ต่ำกว่า 6 เดือนครับถึงจะขึ้นอันดับต้นๆ
แต่หากใครต้องการวิธีลัด Search Engine เองก็มีให้ครับ ซึ่งเรียกวิธีนี้ว่า "Pay per Click" ค่าย GOOGLE นั้นมี Campaign ชื่อ Google adword ส่วนฝั่ง Yahoo! ก็มี " Sponsored Search " ครับ โดยเราต้องไปเลือก keyword และเข้าสมัครสมาชิกเพื่อประมูล keyword และเมื่อให้ราคาสูงที่สุดเว็บของคุณก็จะอยู่ผลการค้นหาด้วย keyword นั้น ในหน้าแรกเช่น asiarooms.com ประมูล keyword "Thailand Travel" ได้เป็นอันดับหนึ่ง ชื่อของ asiarooms.com จะไปปรากฏเป็นอันดับหนึ่งในส่วนของ google adword ด้านขวามือครับ
แต่ วิธีนี้คุณจะต้องเสียค่าใช้จ่ายเมื่อมีผู้คลิ๊กที่ลิ๊งค์ของคุณเป็นจำนวน เงินเท่าคุณเสนอราคาประมูลได้ให้แก่ Search Engine เช่น หากคุณประมูลคำนี้ในราคา ( สมมุตินะครับสมมุติ ) 0.50 บาทต่อคลิ๊ก ทุกครั้งที่ผู้ชมคลิ๊กลิ๊งค์ของคุณ 0.50 บาทในมือคุณก็จะหลุดลอยไปอยู่ในมือของ Search Engine ครับ
ดังนั้น คงต้องชั่งนำหนักดูกันแล้วครับว่า การ ทำ Search Engine Optimization กับการทำ Pay per Click อย่างใดจะคุ้มค่ากว่ากัน
เรื่องขี้โม้เรื่องอื่น : ทำความเข้าใจเกี่ยวกับเวบ
สวัสดีครับ ท่านผู้อ่านทุกท่าน
สวัสดีครับ วันนี้ไม่ได้อยากจะเข้าเรื่องการทำ seo และ astore มากนัก เพราะรู้สึกเหนื่อยกับการที่ศึกษากับเรื่องนี้เหลือเกินครับ ความรู้สึกตอนนี้คือท้อแท้สิ้นหวังไม่รู้จะดำเนินชีวิตต่อไปยังไงดี เพราะสิ่งที่เราทำไม่รู้จะทำได้ต่อไปยั่งยืนไหม จะมีรายได้เข้ามาเมื่อไหร่ก็ยังไม่รู้ ทำแล้วเราจะได้คุ้มเสียรึป่าว ตอนนี้ผมรู้สึกอย่างนี้จริงๆครับ
astore และ seo ตอนที่เริ่มรู้จักมาจากการที่ผมมีเมล์ของคุณต้นแห่งเวป makemany ครับไม่รู้จริงๆว่าได้เมล์เค้ามาได้ยังไง ตอนนั้นผมกำลังเรียนอยู่ ผมก็เล่นให้เค้าฟังว่า ตอนนี้ไม่ค่อยมีเงินใช้ เพราะทางบ้านมีปัญหาทางการเงิน จึงอยากจะหารายได้พิเศษ ทางคุณต้นก็มีน้ำใจแนะนำธุรกิจมี่เค้ากำลังทำอยู่ เค้าแนะนำเวปเกี่ยวกับเรื่องนี้เพื่อให้ผมศึกษา และให้กำลังใจในการทำ สอนแนวคิดว่าเราต้องทำได้ ซึ่งคุณต้นไม่ได้รายได้หรือได้ผลประโยชน์ในการแนะนำครั้งนี้สักบาทเลย แต่เค้าก็ยังเสียสละเวลาในการชี้ทาง คนที่มีความคิด(ควายๆอย่างผม) ไม่ได้พูดเกินจริงนะครับผมโง่จริงๆ ศึกษาเกี่ยวกับเรื่องนี้มาสักสามสี่วัน ก็ล้มเลิกไป พอมาไม่กี่วันมานี้ สักประมาณ 1 อาทิตย์ จึงได้เริ่มคิดที่จะ astore และ seo จึงเริ่มกลับมาศึกษาใหม่ เห็นเค้าได้กันเยอะ ก็เลยมีกำลังใจที่จะทำ พอศึกษาไปได้สักพัก ก็เริ่มท้ออีกแล้ว เหมือนที่เป็นอยู่ตอนนี้
ที่ท้อแท้และรู้สึกแย่มากๆคือ ผมไม่มีเงินใช้ ไม่มีงานทำ ผมต้องการทำในสิ่งที่ได้เงินเร็วๆ ซึ่งธุรกิจตรงนี้ให้ผมไม่ได้ จึงทำให้ไม่อยากทำอีก แต่ผมก็จะพยายามศึกษาต่อไปนะครับ ผมไปเจอบทความของคุณต้น ซึ่งดีมากๆเลยถ้าใครคิดจะเลิกกับตรงนี้ครับ ขออนุญาตก๊อปมานะครับ
คุณต้นแห่ง www.makemany.com ครับ
“การปฏิวัติความกลัวในโลก Affiliate Marketing” มากกว่าเพราะเราพูดถึงแต่เรื่องของการตลาดล้วน ๆ นั่นเองครับ การปฏิวัติ (Revolutions) นั้นจะหมายถึงการเปลี่ยนแปลง การปรับปรุงให้ดีหรือ ไม่ดี (ขึ้นอยู่กับแนวทาง และความคิด) แต่ในทางสร้างสรรค์นั้นเรามองแต่สิ่งดีดีเท่านั้น เช่น “การปฏิวัติเทคโนโลยี” อะไรทำนองนี้หนะครับ ความกลัว (Cowardice) หรืออาจเรียกได้อีกแบบว่า “ความขลาด” นั้นไม่ได้มีอยู่แต่ในสงครามเท่านั้น แต่จะมีอยู่ในจิตใจของผู้คนทั่วไปเสมอ เพราะคนเราไม่กลัวอย่างใด ก็อย่างหนึ่งหละ (ไม่เชื่อลองถามตัวเองดูว่า กลัวอะไรหรือเปล่า) เอาหละครับ มาถึงตรงนี้หลายท่านก็เริ่มมีข้อสงสัยว่า แล้วจริง ๆ เราต้องปฏิวัติทำไมกันหละ ในโลกออนไลน์เนี่ยะ ก็เอาเป็นว่าผมจะเขียนถึงเฉพาะในส่วนของ “การตลาด” เท่านั้นหนะครับ จะได้ไม่กว้างไปเริ่มจากจุดเริ่มต้นที่เราก้าวเข้าสู่ “การตลาดออนไลน์” ไม่ว่าจะเรื่องใดก็แล้วแต่สิ่งหนึ่งที่เรายังมีอยู่คือ เรื่องของการแข่งขัน การแย่งชิงอันดับ การต่อสู้ที่ดุเดือดเลือดพล่านในโลกออนไลน์ โดยเฉพาะการที่เรา ๆ ท่าน ๆ มาทำ Affiliate Marketing กันนั่นเอง ซึ่งบางท่านเรียนรู้มายาวนาน (เรียกได้ว่าอ่านอย่างเดียว ไม่ได้นำไปใช้) บางท่านรู้ทุกเรื่องชนิดแบบเจาะเข้าถึงกึ๋นกันได้เลย แต่ไม่ได้ทำ บางท่านเก่งสุด ๆ แต่ก็มั่วสุด ๆ เหมือนกัน จนทำให้ “เส้นทางแห่งความสำเร็จ” เริ่มไกลห่างไปทุกขณะที่เราเดินไป ความจริงแล้ว “ความสำเร็จ” ยังคงอยู่ที่เดิม แต่เราเริ่มท้อแท้ทำให้เกิดความรู้สึกว่า มันเริ่มไกลออกไปจวบจนได้รับคำตอบในใจว่า “เราทำไม่ได้ แน่เลย” ตรงจุดนี้เองความกลัวเริ่มเข้าครอบงำจิตใจของเราแล้วหละครับ
วิธีการ ปฏิวัติความกลัว ของผมก็คือ
ผมจะเริ่มทำอะไรใหม่ ๆ เสมอเมื่อมีความรู้สึกแย่แบบนั้น เปรียบได้ดั่งแก้วน้ำที่เต็มแล้ว เราจำเป็นต้องเทออกเพื่อให้เป็นแก้วที่เปล่า ๆ แล้วทำใหม่เหมือน ๆ กับที่เราทำในครั้งแรก จะทำให้เราเกิดความรู้สึกที่ดีขึ้น และเริ่มมานั่งคิดวิเคราะห์ว่า เราได้ทำอะไรผิดพลาดไปหรือไม่ จากนั้นให้คำมั่นสัญญากับตัวเองไว้ว่า “เราประสบความสำเร็จได้” แล้วก็ให้ลืมเรื่องราวความกลัวที่ผ่านมา ลงมือทำงานใหม่ไปอีกครั้งทำแบบไม่ต้องคิด แล้วทุกอย่างจะดีเอง ข้อสำคัญอย่าพยายามรื้อฟื้นไปคิดกับเรื่องที่เราทำแล้วไม่สำเร็จเมื่อหลายครั้งก่อนเด็ดขาดแหม่..อาจดูแล้วเพี้ยน ๆ หน่อยแต่นี่ก็คือวิธีการของผมครับ ทำให้ผมสามารถทำงานในโลกออนไลน์ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ และมีแนวคิดใหม่ๆ เพิ่มเติมเพื่อพัฒนาวิธีการทำงานของผมให้ดีที่สุดและสามารถเพิ่มยอดขายให้กับตนเองได้ทุก ๆ วันหละครับพี่น้อง.
ใครจะที่ทำธุรกิจนี้มาสักพักแล้วท้อแท้ ผมมีข้อความดีๆจากพ่อแบบหรือตัวอย่างดีๆที่ผมพยายามจะเป็นอย่างท่านมาตลอดครับ ขออณุนำมาลงในที่แห่งนี้นะครับ
คุณสิทธิศักดิ์จาก www.makemany.com
เข้ามาก็ต้องตกใจอย่างมากครับเมื่อผมมาเจอคุณ cthawees ท้อแท้เสียแล้ว และขอขอบคุณสำหรับทุกท่านที่มาคอยตอบให้และเป็นกำลังใจให้คุณ cthawees หนะครับสำหรับเรื่องนี้ผมว่า ลองศึกษาดูก่อนครับ เมื่อครั้งที่ผมเริ่มศึกษานั้นต้องบอกว่า “ไม่มีคนให้ข้อมูล เรื่องเหล่านี้เลย” ผมต้องงมเข็มในมหาสมุทรซึ่งลึกจนไม่รู้ว่ามันมีอะไรบ้าง อีกด้านหนึ่งก็มืดและไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เหตุผลเดียวที่ผมมีเหมือนคุณ cthawees ก็คือ “ผมไม่มีเงินเลย” เช่นเดียวกันแต่โชคดีหน่อยตรงที่ผมได้งานประจำทำครับ และพอจะมีรายได้เข้ามาบ้างในช่วงนั้น คำว่าต้องมีทุนอาจเป็นนิยามคำสุดท้ายของผมครับ เหตุผลที่เลือกมาทำ Amazon เพราะว่าผมนั้นเห็นเครื่องมือต่าง ๆ มากมาย และคิดว่าในเมื่อเขามีให้ก็ต้องมีเหตุผลว่ามันทำงานได้ดี นับจากนาทีนั้นเมื่อเดือน พฤศจิกายน 2549 ปีที่ผ่านมานี่เองผมก็เริ่มหาข้อมูล และศึกษายาวนานถึง 3 เดือนเต็ม ก่อนที่จะได้เริ่มงานจริง ๆ ผมเริ่มทำตอนเดือน มกราคม 2550 ตอนนั้นต้องบอกว่า “มั่วสุด ๆ ” หละครับเพราะไม่มีใครนำทาง
จากที่ผมมั่วอยู่นานถึงสองเดือนก็มีรายได้ครั้งแรกที่ $113 ที่ผมเคยนำมาให้ดูเมื่อหลายเดือนก่อน ตอนนั้นดีใจอย่างมาก เพราะผมก็ไม่เคยเข้าสู่โลกของ Affiliate เลยด้วยเหตุที่ผมเห็นหลาย ๆ แห่งนั้นเวลาทำต้องลงทุนด้านโฆษณาอย่าง Pay Per Click (PPC) เหมือนที่คุณ Nhum ทำ หลังจากที่เริ่มมีสินค้าที่ถูกขายออกไปชิ้นแรก ในตอนนั้นผมใช้ Blogger.com สร้างบล็อกขึ้นมาและก็เอาข้อมูลสินค้าที่ใน aStore นั่นแหละครับไปโพส ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เพราะภาษาประกิดนั้นผม อย่าได้ถามเลย
ผมทำอยู่อย่างนี้ประมาณ 3-4 เดือนมีรายได้ทุกเดือนมาโดยตลอดจวบจนวันหนึ่ง “ตูม” ไม่ได้โดนระเบิดหนะครับ แต่โดนปิดบล็อก เนื่องจากว่า Blogger.com บอกว่าผมทำผิดกฏของเขา นับแต่นาทีนั้น จากที่เคยขายได้ก็เริ่มหายไปเรื่อย ๆ จนกระทั้งเดือนที่ผ่านมาเหลือแค่ $37 เองครับพี่น้อง แต่ผมไม่ท้อแท้เลยครับ ผมสร้างใหม่ภายในเดือนเดียวจริง ๆ คือเดือนที่ผ่านมา และเริ่มขายของได้อีกครั้งในเดือนนี้เองครับ
ที่นำมาเล่าตรงนี้ก็อยากให้คุณ cthawees สู้ต่อไปครับ เราอาจใช้วิธีการแบบพื้น ๆ ไปเรื่อย ๆ ศึกษาเยอะ ๆ แต่ถ้าไม่รู้จะหาข้อมูลที่ไหน หรือ ถามใครก็ที่แห่งนี้ยินดีให้คำปรึกษาและให้คำแนะนำครับ สู้ต่อไปครับ อย่าพึ่งท้อครับ เมื่อไหร่ที่เราท้อ จะทำให้ความกลัวต่าง ๆ มาครอบงำจิตใจเราครับ สู้เท่านั้นเราจึงจะประสบความสำเร็จได้ครับ.
ขอเป็นกำลังแด่นักสู้ทุกท่าน ที่ไม่เคยท้อแท้เลย และขอเป็นกำลังใจให้กับท่านที่กำลังเริ่มท้อแท้ว่า “พรุ่งนี้ดีกว่าวันนี้แน่นอนครับ”
ขั้นตอนและวิธีการตามนี้เลยครับ
1. ก่อนจะสร้าง astore เราต้องมาเลือกสินค้าก่อนครับ ว่าเราจะทำ astore ขายสินค้าอะไรดี
ผมเลือกอันนี้ละกัน
พอได้สินค้าแล้วก็ลองนำคำหลักๆของสินค้านั้นไปเสริชดูใน google ครับ ว่ามีเก็บหน้าเพจที่ใช้คีเวิดนี้เท่าไร ของผมคีเวิดนี้ครับ "Ozbozz" ผลลัพธ์คือ
โอ้ว ว้าวววว แค่ 38,600 เอง ถือว่าน้อยนะครับ ใครหาได้น้อยกว่านี้ก็ แหล่ม ล่ะครับงานนี้ เอาละเริ่มมีความหวังว่าจะขายได้ละ